• perm_phone_msg+(02) 640-9537-46

  โรงพยาบาลสงฆ์เป็นโรงพยาบาลสำหรับพระสงฆ์แห่งเดียวในโลก สร้างขึ้นโดยความดำริของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี เปิดให้บริการเมื่อวันพุธที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.  ๒๔๙๓ เป็นเวลากว่า ๖๒ ปี ที่โรงพยาบาลสงฆ์เปิดให้บริการ ทั้งนี้วัตถุประสงค์ของการสร้างโรงพยาบาลสงฆ์เพื่อให้บริการด้านการรักษาพยาบาลแก่พระภิกษุ สามเณรอาพาธทั่วประเทศ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย  และเพื่อหลีกเลี่ยงความไม่เหมาะสมในการที่พระภิกษุ-สามเณรอาพาธจะต้องเข้าคิวหรือเข้าแถวรอรับการรักษาพยาบาลร่วมกับฆราวาส เนื่องจากพระภิกษุ-สามเณรมีวัตรปฏิบัติแตกต่างจากฆราวาส และต้องประพฤติตามหลักแห่งพระวินัยนิยมบรมพุทธานุญาตในสมัยก่อน  เพื่อให้เหมาะสมในทางพระวินัย  และเพื่อสนองพุทธพจน์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่า “โย ภิกฺขเว มํ อุปฎฺฐเหยฺย โส คิลานํ อุปฎฺฐเหยฺย” แปลว่า “ผู้ใดปรารถนาอุปัฎฐากเราตถาคต ผู้นั้นพึงอุปัฎฐากภิกษุไข้เถิด”

ปัจจุบันโรงพยาบาลสงฆ์ มีเตียงผู้ป่วยในจำนวน ๒๗๘ เตียง โดยให้บริการผู้ป่วยใน ปีละ ๕,๐๐๐ ราย ผู้ป่วยนอกปีละ ๘๐,๐๐๐ ราย โดยให้บริการส่งเสริมสุขภาพในพระภิกษุ-สามเณร การป้องกันโรคและให้การรักษาโรคเฉพาะทาง อาทิ ทางจักษุ  ศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะ และเป็นสถานที่ให้การรักษาในระดับตติยภูมิทางด้านพระภิกษุ-สามเณรอาพาธ ดังแสดงในตาราง

ปีงบประมาณ

ผู้ป่วยนอก (ราย)

ผู้ป่วยใน (ราย)

ค่าใช้จ่าย (บาท)

2553

75,822

6,157

 

2554

86,021

5,934

 

2555

80,253

5,726

 

เพื่อเปิดโอกาสให้ท่านเจ้าภาพผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมกันจรรโลงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา และเพื่อการหาเงินสมทบทุนไว้ดูแลรักษา พระภิกษุ-สามเณรอาพาธ โดยให้บริการแก่ท่านสาธุชนทั่วไปร่วมทำบุญ บริจาค โดยที่ไม่ต้องแจ้งความประสงค์ไว้ล่วงหน้า เช่น การบริจาคเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อาทิ บริจาคค่าภัตตาหาร ค่ายาและเวชภัณฑ์ ค่าโลหิต บริจาคค่าน้ำ ค่าไฟ และบริจาคบำรุงทั่วไป และการทำบุญ เนื่องในโอกาสต่าง ๆ เช่น

การบริจาคเงินบำรุงพระภิกษุ-สามเณรอาพาธ

พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า: “โย ภิกฺขเว มํ อุปฏฺฐเหยฺย โส คิลานํ อุปฏฺฐเหยฺย”
"ผู้ใดปราถนาจะอุปปัฏฐากเราตถาคต ผู้นั้นพึงรักษาภิกษุป่วยไข้"

การให้การพยาบาลหรือบำบัดโรคภัยไข้เจ็บของพระสงฆ์ เท่ากับการได้อุปัฏฐากพระพุทธองค์เลยทีเดียวตามความเชื่อผู้คนส่วนมากแล้วมีความเชื่อและศรัทธาว่า  " ถ้าหากผู้ใดที่ได้ถวายอาหารหรือสิ่งของต่อพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า บุญที่เกิดจากการถวายทานนั้น มีอานิสสงส์มากจริงๆ ถึงขนาดผู้นั้นตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้ได้เป็นสาวก หรือ อัครสาวก หรือ ปราถนาพุทธภูมิ ก็ได้สมดังใจปรารถนาเลย"
ตามพระพุทธดำรัสที่กล่าวมาข้างต้นนั้น การที่เราดูแลช่วยเหลือปรนนิบัติต่อพระภิกษุผู้อาพาธ เท่ากับว่าเราได้สร้างกุศลต่อพระพุทธองค์โดยตรงเลยทีเดียว ดังนี้ ผลบุญมหาศาลจักบังเกิดขึ้นแก่เราผู้ได้ปรนนิบัติอุปัฏฐากพระภิกษุสงฆ์ผู้อาพาธ เปรียบเสมือนเราได้ถวายทานต่อพระพุทธเจ้านั่นเอง
ดังนั้น การที่เรามีโอกาสหรือตั้งใจที่จะปรนนิบัติดูแลช่วยเหลือพระภิกษุสงฆ์ที่ป่วยไข้ อาพาธ แล้วเราน้อมจิตของเราระลึกถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะส่งผลต่อจิตใจอันเป็นกุศลเป็นอย่างมาก และอานิสงส์ดังกล่าวนั้น บุญจากการอุปัฏฐากพระพุทธองค์ย่อมมีกำลังกุศลมหาศาล หากตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอให้เราเจริญในธรรมในพระศาสนาของพระพุทธองค์แล้ว กำลังแห่งความตั้งใจนั้นก็ย่อมมีมากมาย และส่งผลให้เราก้าวหน้าในธรรม มีพละและอินทรีย์ เพื่อความหลุดพ้นในโอกาสภายหน้าได้เป็นแน่แท้ เหตุดังนั้น พวกเราอย่ามัวประมาทอยู่เลย พึงกระทำมหากุศลดังกล่าวให้เกิดขึ้นแก่ตัวเอง ครอบครัว และสหธรรมิกของเราโดยพลัน ฯ

อานิสงส์การบริจาคเงินบำรุงพระภิกษุ-สามเณรอาพาธ